วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อยากผิวขาว ผิวใส ทำไงดี




ผิวหนังของคนมีความหนาประมาณ 3-5 มิลลิเมตร ผิวหนังแบ่งได้เป็น 3 ชั้น ชั้นบนสุด เรียกว่า หนังกำพร้า (epidermis) เป็นชั้นที่เรามองเห็นด้านนอกสุด ชั้นกลางเรียกว่า หนังแท้ (dermis) ชั้นล่างสุดเป็นชั้นใต้ผิวหนัง (subcutaneous tissue)  มีเซลล์ชนิดหนึ่งในชั้นล่างสุดของหนังกำพร้า ชื่อ melanocyte ทำหน้าที่ผลิตเม็ดสี (melanin) ทำให้เกิดเป็นสีผิว   ทุกคนมีจำนวนเซลล์นี้เท่าๆกัน ต่างกันที่จำนวนเม็ดสีที่ถูกผลิตขึ้น คนที่อาศัยอยู่ในเขตร้อนจะมีสีผิวคล้ำกว่าคนที่อาศัยอยู่ในเขตหนาว นั่นเพราะร่างกายต้องสร้างเม็ดสีผิวหรือเมลานินขึ้นมามากเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด "สีผิว" ของคนเรา จึงขึ้นกับชนชาติ กรรมพันธุ์ และสิ่งแวดล้อมในภายหลัง ที่มีทั้้งผิว ขาว เหลือง น้ำตาล คล้ำ หรือแม้กระทั่งผิวดำ


อืม... แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ สาวๆ ก็ต้องมาคู่กับความสวยความงาม งั้นลองมาทำความรู้จักกับสารพัน วิธีที่ช่วยทำให้ผิวของเราดูขาวใสขึ้น


1. ใช้สารกลูต้าไธโอน


สารกลูตาไธโอน เป็นสารที่ร่างกายสังเคราะห์ขึ้นได้เองเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง มีหน้าที่ปกป้องเนื้อเยื่อของอวัยวะทุกส่วน ต้านอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่าง ๆ และกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายที่สำคัญยังช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย สารพิษจำพวกโลหะหนักหรือสารกำจัดแมลงจะถูกขจัดออกจากร่างกายได้โดยการทำงานของกลูตาไธโอนร่วมกับตับ กลูตาไธโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีกำลังสูงเมื่อเปรียบเทียบกับวิตามินซีหรือวิตามินอี 


ในวงการแพทย์ใช้สารกลูตาไธโอนเป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับระบบเส้นประสาทบกพร่อง เช่น โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ หรือโรคสมองเสื่อม โรคปลายเส้นประสาทอักเสบ มะเร็งกระเพาะ และมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยได้รับการรับรองให้ใช้เป็นยามามากกว่า 30 ปี การรักษามักจะให้โดยการฉีดเข้าเส้นหรือเข้าที่กล้ามเนื้อ และพบว่า สารกลูตาไธโอนมีผลข้างเคียงในการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสซึ่งทำให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากเม็ดสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว ผลข้างเคียงนี้จึงทำให้มีการแตกตื่นและนำกลูตาไธโอนมาเตรียมเป็นยาเม็ดเพื่อใช้เป็นอาหารเสริมเพื่อชะลอวัยและหวังผลให้ผิวขาวใสหรือผิวขาวอมชมพู


จากการรวบรวมข้อมูลพบว่า สารกลูตาไธโอนจะไม่สามารถถูกดูดซึมจากกระเพาะอาหารได้เพราะจะถูกย่อยสลายและขับออกทางลำไส้ ดังนั้นการรับประทานยาเม็ดกลูตาไธโอนจึงไม่ได้รับประโยชน์เลยไม่ว่าจะกินครั้งละหลาย ๆ เม็ดหรือในขนาดที่สูงมาก ๆ ก็ตาม  แพทย์หลายสำนักจึงได้มีการดัดแปลงโดยทำการฉีดเข้าเส้นหรือเข้ากล้ามเนื้อ เช่นเดียวกับการรักษาโรคต่าง ๆ อย่างไรก็ตามอาการข้างเคียงของผิวขาวเป็นอาการชั่วคราวเท่านั้นจึงไม่ควรใช้ยานี้ในทางที่ผิด




2. สารทำให้ผิวขาวขึ้น


2.1 สารฟอกสี (Bleaching Agents)
    - ไฮโดรควิโนน เคยนิยมมากในครีมและโลชั่นป้องกันฝ้า ออกฤทธิ์ลดการสร้างเมลานิน แต่ได้แค่ชั่วคราว เมื่อหยุดใช้จะกลับเป็นสีเดิมหรือมากกว่าเดิม ถ้าใช้ติดต่อกันเกิน 6 เดือน จะทำให้เป็นฝ้าถาวร สารตัวนี้จึงถูกกำหนดเป็นสารห้ามใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง
     - โมโนเบนโซน ออกฤทธิ์เหมือนข้างบน แต่ทำลายเซลล์สร้างสีผิว ทำให้เกิดรอยด่างขาวเป็นหย่อมๆ ถาวร จึงถูกกำหนดเป็นสารห้ามใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางเช่นกัน
     - ปรอทแอมโมเนีย เคยเป็นที่นิยมใช้กันมากเช่นกัน ในครีมป้องกันฝ้าที่เรียกว่า ครีมไข่มุก หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้มีการสะสมปรอทในผิวหนัง และดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิต ทำให้ตับ และไตพิการ โรคโลหิตจาง เป็นต้น ปรอทแอมโมเนียจึงถูกกำหนดเป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง


2.2 สารทำให้ผิวขาว (Whitening Agents)
    - อาร์บิวติน มี 2 แบบ คือ ได้จากการสังเคราะห์ทางเคมี และได้จากการสกัดจากพืช มีผลต่อการยับยั้งการสร้างเมลานินไม่เป็นพิษต่อเซลล์สร้างเมลานินทำให้ผิวหน้าขาวขึ้นและมีความปลอดภัยสูง ไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองและอาการข้างเคียงใดๆ ทั้งยังคงสภาพต่อแสงแดดได้ผลดีกว่ากรดโคจิก เป็นที่นิยมใช้กันมากในญี่ปุ่น โดยใช้อาร์บิวตินความเข้มข้นร้อยละ 3-7      - กรดโคจิกได้จากการสังเคราะห์ทางเคมี หรือ ได้จากการสกัดกรดโคจิกที่เกิดขึ้นจากขั้นตอนการหมักกลูโคสด้วยเชื้อรา แอสเพอร์จิลลัส โอริซี (Aspergillus oryzae) ช่วยลดการสร้างเมลานิน    - แมกนีเซียมแอสคอร์บิกฟอสเฟส เป็นฟอสเฟตเอสเทอร์ของวิตามินซี ที่มีความคงสภาพ ได้จากการสังเคระห์ทางเคมี ออกฤทธิ์ขัดขวางการสร้างเมลานินทำให้ผิวขาวขึ้น ขัดขวางการเกิดอนุมูลอิสระซึ่งทำให้ผิวแก่ ในขณะเดียวกันช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน
2.3 เอเอชเอ (AHA) หรือ อลฟาไฮดรอกซีแอซิด เรียกกันว่า กรดผลไม้
    เป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในอาหาร เช่น กรดเมลิกในแอปเปิ้ล กรดซิตริกในมะนาว กรดทาร์ทาริกในองุ่น กรดแลกติกในนมเปรี้ยว และกรดไกลโคลิกในอ้อย เป็นต้น ช่วยพลัดเซลล์ที่ตายแล้ว ให้ลอกออกอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ ทำให้รูขุมขนไม่อุดตัน ลดรอยฝ้าและจุดด่างดำ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน การเร่งหลุดออกของเซลล์ทำให้ริ้วรอยเล็กๆ และรอยเหี่ยวย่นดีขึ้นหลังจากการใช้หลายครั้ง ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย


การที่ผิวหนังขาวขึ้นจากการใช้สารทำให้ผิวขาวซึ่งออกฤทธิ์ลดการสร้างเมลานิน มีผลทำให้ผิวหนังอ่อนแอลง มีความไวต่อรังสีอุลตราไวโอเลตมากขึ้น จึงควรใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์กันแดด และหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัดเพื่อป้องกันการเกิดฝ้า


3. การขัดผิวด้วยผลไม้รสเปรี้ยว 


การใช้ใยขัดผิวหรือสครับช่วยขจัดเซลล์ที่เสื่อมสภาพที่สะสมบนชั้นผิวหนังที่ เป็นสาเหตุของผิวหมองคล้ำไม่สดใส เพราะเซลล์ผิวใหม่ที่เปล่งปลั่งกว่าเดิมไม่ สามารถขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และยังเป็นสาเหตุของผิวเหี่ยวและแก่เร็วได้อีกด้วย ผิวจะขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว สับปะรด มะขามเปียก ส้ม เพราะมีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิวให้ขาวใส และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมาได้ แต่หากคุณเป็นคนผิวบาง ไม่ควรใช้มะนาวหรือสับปะรดที่มีความเป็นกรดสูง ควรใช้ส้มเช้งที่มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กันก็ได้


4. ทานอาหารให้เหมาะสม
    
    - วิตามินซี มีสรรพคุณช่วยให้ผิวสวยสดใส ดังนั้นจึงเป็นสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากการทานผักผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว และยังมีแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับอีกด้วย
    - อาหารอุดมวิตามินเอ เช่น นมสด ผลิตภัณฑ์จากนม ตับ ฟักทอง แคร์รอต ผักบุ้ง ตำลึง อาหารพวกนี้นอกจากจะช่วยทำให้ผิวสวยแล้ว ยังช่วยซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อในร่างกายอีกด้วย 
    - อาหารอุดมด้วยวิตามินอี เช่น จมูกข้าวสาลี ธัญพืชต่างๆ วิตามินอีจะช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน ป้องกันแผลเป็น
    - ดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร หรือ 6-8 แก้วต่อวัน เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว 

5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมจะช่วยให้โลหิตนำพาออกซิเจนไปเลี้ยงทั่วร่างกายได้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยขับถ่ายพิษหรือของเสียออกจากร่างกายทางเหงื่อได้ ผิวพรรณจึงดูสดใส เปล่งปลั่ง และมีเลือดฝาด

6. ไม่เครียด

เข้าใจว่ามันหลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ความเครียดเป็นตัวแปรหนึ่งที่พรากความสดใสไปจากผิวคุณได้ เพราะความเครียด (โดยเฉพาะความเครียดที่สะสมมานาน) จะทำให้ร่างกายคุณขาดสมดุล และเป็นบ่อเกิดของผิวหมองคล้ำไม่สดใส

7.  บอกลาบุหรี่และแอลกอฮอล์

     ภัยร้ายที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของผิวก็คือแอลกอฮอล์และบุหรี่ เพราะการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่จะช่วยเร่งให้ผิวเหี่ยว ซีดเซียว มีริ้วรอยรอบปากและดวงตา เนื่องจากการสูบบุหรี่จะเข้าไปลดออกซิเจนในร่างกาย ทำให้ร่างกายขับของเสียออกมาได้ช้า และดื่มเหล้าจะทำให้เกิดภาวะขาดน้ำในร่างกายจากการขับถ่ายน้ำออกทางปัสสาวะ หากยังดื่มอยู่เป็นประจำจะทำให้ผิวแห้งไม่ชุ่มชื้น



 ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล


http://www.oknation.net/blog/DIVING/2009/03/21/entry-1
http://women.kapook.com/view742.html
http://bit.ly/PxhfnP
http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_toxic/a_tx_1_001c.asp?info_id=55
http://bit.ly/ORniyD


รูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น