วัยทำงาน ช่วงอายุระหว่าง 20-59 ปี
เป็นวัยที่ต้องการพลังงานความแข็งแรง ความกระฉับกระเฉง มีสมองที่ปลอดโปร่ง
แต่เมื่อวัยที่มากกว่า 30 ปีขึ้นไป ก็เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงกับร่างกาย
ความแข็งแรงของโครงกระดูกกล้ามเนื้อเริ่มเสื่อม เริ่มมีริ้วรอย
ผิวหนังเริ่มเหี่ยวย่น ผมเริ่มหงอก
คนวัยนี้จึงควรตื่นตัวและหาวิธีการที่จะชะลอความเสื่อมของร่างกายด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
วิถีชีวิต ทั้งการออกกำลังกาย การพักผ่อน และพิถีพิถันในการบริโภคมากกว่าวัยอื่น เพื่อดำรงสภาพและชะลอความเสื่อมของร่างกาย
1.)วิตามินและแร่ธาตุรวมทุกวัน การได้รับวิตามินในปริมาณที่มากกว่าความต้องการของร่างกายจะสามารถป้องกันการขาดวิตามินและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้
ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ หลังจากนั้นอาจเสริมสารอาหารอื่นตามความจำเป็นของแต่ละคน
2.) น้ำมันปลา (Fish Oil) โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้
การได้รับน้ำมันปลา 2,000-3,000 มิลลิกรัมต่อวัน ช่วยลดไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์
ลดความดันโลหิต ทำให้เลือดไหลเวียนดี ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
ป้องกันความเครียดและอารมณ์หดหู่
3.) เลซิติน (
Lecithin) ส่วนใหญ่สกัดได้จากถั่วเหลือง
มีส่วนช่วยเสริมในการทำงานของประสาท
ช่วยให้การประสานงานระหว่างเซลล์ประสาทเป็นไปได้ดี ควรได้รับวันละ 2,400-3,600
มิลลิกรัม
4.) โคเอนไซม์ คิวเทน (Co-enzyme
Q10) ช่วยส่งเสริมพลังงานในร่างกายของเซลล์
ทุกเซลล์ในร่างการต้องการ คิวเทน เป็นองค์ประกอบสำคัญในการเผาผลาญพลังงาน วัยที่เพิ่มขึ้นร่างกายจะสร้างคิวเทนลดลง
ควรเสริมวันละ 50-100 มิลลิกรัม
5.) โสมสกัด ช่วยให้ร่างกายไม่อ่อนเพลีย
ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลาง ทำให้กระชุ่มกระชวยมีคุณสมบัติเป็นยาบำรุงกำลัง
กล้ามเนื้อแข็งแรง โสมเป็นสมุนไพรให้ผลโดยกว้าง โดยทั่วไปต้านทานการเกิดโรค
ช่วยเจริญอาหาร ลดอาการนอนไม่หลับหรือลดความเครียด
6.) วิตามินบี
มีส่วนสำคัญในการบำรุงสมองและระบบประสาทได้ดี มีผลวิจัยพบว่าการได้รับวิตามินบีปริมาณสูงพอ
ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ลดความเครียด เสริมให้เกิดการเผาผลาญพลังงานในเซลล์
ให้ร่างกายรู้สึกมีพลัง
7.) วิตามินซี
การรับประทานเป็นประจำจะช่วยชะลอความแก่และป้องกันโรคต่างๆ ที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกายควรได้รับ
1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
8.) กระเทียมสกัด
ช่วยลดไขมันและไตรกลีเซอร์ไรด์ และไขมันโคเลสเตอร์รอลในเลือด
ทำให้ภูมิต้านทานร่างกายดีขึ้น ปริมาณที่พอเหมาะ วันละ 2-5 มิลลิกรัม
สารอาหารเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการสร้างสุขภาพที่ดี
นอกจากนี้แล้วการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ มองโลกในแง่ดี
ทำจิตใจให้แจ่มใสเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการคงไว้ซึ่งสุขภาพที่ดี
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพจากกลูเกิ้ล
-หนังสือคู่มือสุขภาพ Good
Health ฉบับปรับปรุงใหม่ 2552